สถิติ
เปิดเว็บ | 15/04/2010 |
อัพเดท | 14/03/2024 |
ผู้เข้าชม | 11,087,740 |
เปิดเพจ | 16,699,275 |
สินค้าทั้งหมด | 2,093 |
เลี้ยงลูกอย่างไร ไม่ให้แว้ง "กัด" พ่อแม่ (ถามตอบ)
(อ่าน 560/ ตอบ 0)
trilakbooks |
หัวข้อ :เลี้ยงลูกอย่างไร ไม่ให้แว้ง "กัด" พ่อแม่ (ถามตอบ)
05/11/2011
, 10:21
Quote
เลี้ยงลูกอย่างไร ไม่ให้แว้ง "กัด" พ่อแม่
.โดยท่าน ว.วชิรเมธี โยมมีพี่ชายหูหนวกเป็นใบ้ตั้งแต่เกิด (แม่เป็นหัดเยารมันตอนท้องค่ะ) ปัจจุบันเขาอายุ 42 ปี เรียนจบ ป.6 ไม่ทำงานอะไร อยู่กับแม่ โยมและพี่ๆ บางคนให้เงินเขาใช้ค่ะ วันหนึ่งโยมเห็นพี่ชายควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แล้วชก แม่ ไปเป็นครั้งที่ 5 แล้ว สาเหุต เพราะแม่ให้เงินไปเที่ยวผู้หญิง เขาขอเงินแม่ 2000 บาท แต่ไม่ให้ เงินที่ได้มาเขาใช้หมดแล้ว ที่แม่ให้เพิ่มไปก็หมดอีก พอครั้งนี้ แม่ไม่ให้เลยเกิดเรื่อง โยมเข้าใจทั้งแม่และพี่ชาย เข้าใจว่า แม่รักลูกมากแค่ไหน ความพิการอาจทำให้เขาควบคุมกายใจไม่ทันกิเลสก้อนโต ก็เป็นได้ โยมขอกราบถามพระคุณเจ้า ว่าโยมควรทำอย่างไร จึคงจะทำให้ทั้งสองคน พ้นทุกข์ด้วยการนำธรรมะ ไปใช้ในชีวิต อยากให้เขาเกิดศรัทธา และมีพรหมวิหาร 4 ค่ะ ........................... (ตอบ) การเลี้ยงลูกไม่ใช่งานง่ายๆ แต่เป็นงานยากยิ่งกว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีเสียอีก เพราะต้องดูแลกันไปตลอดชีวิต ใช่ว่า คลอดลูกแล้วก็เดินหันหลังได้เลย เหมือนวัว เหมือนควาย ที่พอคลอดลูกออกมาลูกก็เดินไปหาหญ้ากินเองได้ แต่ลูกคนนั้น ถ้าคลอดออกมาแล้ว พ่อแม่ไม่ดูแล ก็เรียกได้ว่าแทบจะเอาตัวไม่รอดกันตอนนั้นเลยทีเดียว การเลี้ยงลูกที่บอกว่ายากก็เวพราะว่าต้องใช้ทั้งความรัก ความรู้ ความอดทน และคุณธรรมอีกสารพัดประกอบกัน ลำพังให้ความรักอย่างเดียว ถ้ามากเกินไป ก็จะทำให้ลูกกลายเป็นลูกแหง่ อ่อนแอ ทำอะไรไม่เป็น ความรู้ ถ้าให้มากเกินไป ก็จะกลายเป็นคนแข็งกร้าว ไม่ยอมฟังใคร เชื่อมั่น อวดดื้อถือดี ว่ามีควาารู้สูง บางรายพานดูถูกพ่อแม่ ที่มีการศึกษาต่ำกว่าตนก็มี ความอดทน ถ้าขาดปัญญาก็กลายเป็นการยอมจำนนได้เหมือนกัน ดังนั้น คนเป็นแม่ต้องเรียนรู้ ที่จะปรับคุณธรรมต่างๆ ในการเลี้ยงลูกให้ลงตัวพอดี งานเลี้ยงลูก จึงจะประสบความสำเร็จ หลักในการเลี้ยงลูกนั้น ท่านวางไว้ว่า ต้องปฏิบัติตามหลัก "พรหมวิหารธรรม" ซึ่งมีอยู่ 4 ประการ กล่าวคือ เมตตา คือความรัก ใช้ในยามปกติ กรุณา คือความเชื่อเหลือ ใช้ในยามมีปัญหา มุทิตา คือความยินดีปรีดา ใช้ในยามเจริญก้าวหน้า มีความสุขสำเร็จ อุเบกขา คือความเป็นกลาง ใช้ในยามที่คนทำผิดกฎศีลธรรม ผิดกฎหมาย ข้อที่ควรพิจารณา หรือตั้งเป็นข้อสังเกตในการใช้พรหมวิหารธรรม เลี้ยงลูกคือ เมตตา ถ้ามากเกินไป พ่อแม่จะตามใจลูก (ลูกบังเกิดเกล้า) กรุณา ถ้ามากเกินไป พ่อแม่จะทำทุกอย่างแทนลูก (ลูกแหง่) มุทิตา ถ้ามากเกินไป พ่อแม่จะส่งเสริมไปเสียทุกเรื่อง (ลูกสำคัญตนผิด เช่นลูกไปทำเรื่องเสียหาย พ่อคอยให้ท้าย หรือคอยปกป้อง สุดท้ายลูกยิ่งเสียคน) อุเบกขา ถ้ามากเกินไป พ่อแม่จะกลายเป็นคนใจไม้ใส่ระกำ ในกรณีที่คุณถามมานั้น ขอแนะนำว่า คุณแม่ของคุณต้องใช้ทางสายกลางในการเลี้ยงลูกให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีอย่างนี้ หลักทางสายกลางที่ต้องใช้คือ "อุเบกขา" กล่าวคือ ถ้าลูกขอเงินไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง แม่ต้องยืนหยัด ที่จะไม่ให้ แต่ในการยืนหยัดนั้น แม่ก็ต้องชี้แจงด้วย ไม่ใช่ใม่ให้โดยไม่บอกเหตุผล ที่มาที่ไปแก่ลูก ถ้าลูกเป็นคนก้าวร้าวแม่ก็ต้อง หาวิธีที่นุ่มนวลในการปฏิเสธ การ"ตามใจลูก" ด้วยการ "สงสารลูกมากเกินไป " จะทำให้ัลูกได้ใจ พอเขาพาลพาโล โมโหเมื่อไหร่แล้วได้ดังประสงค์ เขาจะจดจำพฤติกรรมเช่นนั้นไว้ ถ้าใช้เมื่อไหร่แล้วได้ผล เขาก็จะทำซ้ำอีก ถ้าแม่ยังคงยอมเขาทุกครั้ง สุดท้ายเขาจะกลายเป็น "ลูกบังเกิดเกล้า" ส่วนแม่ ก็จะกลายเป็นเพียง "ทาส" คนหนึ่งของลูกเท่านั้น การเลี้ยงลูก จึงต้องใช้ธรรมะ ใช้ปัญญาอยู่เสมอ ลำพังความรักอ่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะสอนลูกให้เป็นคนดีมีศีลธรรมได้ อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้กำลังใจคุณและคุรแม่ ค่อยๆ คิดค่อยๆ แก้ปัยหากันไป โดยใช้พรหมวิหารธรรม เป็นเครื่องมือ เรื่องไหน ที่ยอมได้ก็ยอม แต่เรื่องไหนที่เสียหายก็ต้องยืนหยัดที่จะไม่ยอม การถอยให้ความเลวบ่อยๆ ทำให้คนเลวได้ใจ พ่อแม่ต้องกล้าที่จะหยัดยืนบอกลูกว่า อะไรผิด อะไรถูก ลูกก็เหมือนกัน ต้องรู้ว่า พ่อแม่นั้น เป็น "ผู้บังเกิดเกล้า" ไม่ใช่ข่มขู่ คุกคาม ทำดังหนึ่งพ่อแม่เป็นทาสของตน "ลูกที่ทำเช่นนี้นับว่าทำไม่ถูก และกำลังก่อบาปกรรมแก่ตัวเองโดยแท้"
เลี้ยงลูกอย่างไร ไม่ให้แว้ง "กัด" พ่อแม่
.โดยท่าน ว.วชิรเมธี โยมมีพี่ชายหูหนวกเป็นใบ้ตั้งแต่เกิด (แม่เป็นหัดเยารมันตอนท้องค่ะ) ปัจจุบันเขาอายุ 42 ปี เรียนจบ ป.6 ไม่ทำงานอะไร อยู่กับแม่ โยมและพี่ๆ บางคนให้เงินเขาใช้ค่ะ วันหนึ่งโยมเห็นพี่ชายควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แล้วชก แม่ ไปเป็นครั้งที่ 5 แล้ว สาเหุต เพราะแม่ให้เงินไปเที่ยวผู้หญิง เขาขอเงินแม่ 2000 บาท แต่ไม่ให้ เงินที่ได้มาเขาใช้หมดแล้ว ที่แม่ให้เพิ่มไปก็หมดอีก พอครั้งนี้ แม่ไม่ให้เลยเกิดเรื่อง โยมเข้าใจทั้งแม่และพี่ชาย เข้าใจว่า แม่รักลูกมากแค่ไหน ความพิการอาจทำให้เขาควบคุมกายใจไม่ทันกิเลสก้อนโต ก็เป็นได้ โยมขอกราบถามพระคุณเจ้า ว่าโยมควรทำอย่างไร จึคงจะทำให้ทั้งสองคน พ้นทุกข์ด้วยการนำธรรมะ ไปใช้ในชีวิต อยากให้เขาเกิดศรัทธา และมีพรหมวิหาร 4 ค่ะ ........................... (ตอบ) การเลี้ยงลูกไม่ใช่งานง่ายๆ แต่เป็นงานยากยิ่งกว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีเสียอีก เพราะต้องดูแลกันไปตลอดชีวิต ใช่ว่า คลอดลูกแล้วก็เดินหันหลังได้เลย เหมือนวัว เหมือนควาย ที่พอคลอดลูกออกมาลูกก็เดินไปหาหญ้ากินเองได้ แต่ลูกคนนั้น ถ้าคลอดออกมาแล้ว พ่อแม่ไม่ดูแล ก็เรียกได้ว่าแทบจะเอาตัวไม่รอดกันตอนนั้นเลยทีเดียว การเลี้ยงลูกที่บอกว่ายากก็เวพราะว่าต้องใช้ทั้งความรัก ความรู้ ความอดทน และคุณธรรมอีกสารพัดประกอบกัน ลำพังให้ความรักอย่างเดียว ถ้ามากเกินไป ก็จะทำให้ลูกกลายเป็นลูกแหง่ อ่อนแอ ทำอะไรไม่เป็น ความรู้ ถ้าให้มากเกินไป ก็จะกลายเป็นคนแข็งกร้าว ไม่ยอมฟังใคร เชื่อมั่น อวดดื้อถือดี ว่ามีควาารู้สูง บางรายพานดูถูกพ่อแม่ ที่มีการศึกษาต่ำกว่าตนก็มี ความอดทน ถ้าขาดปัญญาก็กลายเป็นการยอมจำนนได้เหมือนกัน ดังนั้น คนเป็นแม่ต้องเรียนรู้ ที่จะปรับคุณธรรมต่างๆ ในการเลี้ยงลูกให้ลงตัวพอดี งานเลี้ยงลูก จึงจะประสบความสำเร็จ หลักในการเลี้ยงลูกนั้น ท่านวางไว้ว่า ต้องปฏิบัติตามหลัก "พรหมวิหารธรรม" ซึ่งมีอยู่ 4 ประการ กล่าวคือ เมตตา คือความรัก ใช้ในยามปกติ กรุณา คือความเชื่อเหลือ ใช้ในยามมีปัญหา มุทิตา คือความยินดีปรีดา ใช้ในยามเจริญก้าวหน้า มีความสุขสำเร็จ อุเบกขา คือความเป็นกลาง ใช้ในยามที่คนทำผิดกฎศีลธรรม ผิดกฎหมาย ข้อที่ควรพิจารณา หรือตั้งเป็นข้อสังเกตในการใช้พรหมวิหารธรรม เลี้ยงลูกคือ เมตตา ถ้ามากเกินไป พ่อแม่จะตามใจลูก (ลูกบังเกิดเกล้า) กรุณา ถ้ามากเกินไป พ่อแม่จะทำทุกอย่างแทนลูก (ลูกแหง่) มุทิตา ถ้ามากเกินไป พ่อแม่จะส่งเสริมไปเสียทุกเรื่อง (ลูกสำคัญตนผิด เช่นลูกไปทำเรื่องเสียหาย พ่อคอยให้ท้าย หรือคอยปกป้อง สุดท้ายลูกยิ่งเสียคน) อุเบกขา ถ้ามากเกินไป พ่อแม่จะกลายเป็นคนใจไม้ใส่ระกำ ในกรณีที่คุณถามมานั้น ขอแนะนำว่า คุณแม่ของคุณต้องใช้ทางสายกลางในการเลี้ยงลูกให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีอย่างนี้ หลักทางสายกลางที่ต้องใช้คือ "อุเบกขา" กล่าวคือ ถ้าลูกขอเงินไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง แม่ต้องยืนหยัด ที่จะไม่ให้ แต่ในการยืนหยัดนั้น แม่ก็ต้องชี้แจงด้วย ไม่ใช่ใม่ให้โดยไม่บอกเหตุผล ที่มาที่ไปแก่ลูก ถ้าลูกเป็นคนก้าวร้าวแม่ก็ต้อง หาวิธีที่นุ่มนวลในการปฏิเสธ การ"ตามใจลูก" ด้วยการ "สงสารลูกมากเกินไป " จะทำให้ัลูกได้ใจ พอเขาพาลพาโล โมโหเมื่อไหร่แล้วได้ดังประสงค์ เขาจะจดจำพฤติกรรมเช่นนั้นไว้ ถ้าใช้เมื่อไหร่แล้วได้ผล เขาก็จะทำซ้ำอีก ถ้าแม่ยังคงยอมเขาทุกครั้ง สุดท้ายเขาจะกลายเป็น "ลูกบังเกิดเกล้า" ส่วนแม่ ก็จะกลายเป็นเพียง "ทาส" คนหนึ่งของลูกเท่านั้น การเลี้ยงลูก จึงต้องใช้ธรรมะ ใช้ปัญญาอยู่เสมอ ลำพังความรักอ่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะสอนลูกให้เป็นคนดีมีศีลธรรมได้ อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้กำลังใจคุณและคุรแม่ ค่อยๆ คิดค่อยๆ แก้ปัยหากันไป โดยใช้พรหมวิหารธรรม เป็นเครื่องมือ เรื่องไหน ที่ยอมได้ก็ยอม แต่เรื่องไหนที่เสียหายก็ต้องยืนหยัดที่จะไม่ยอม การถอยให้ความเลวบ่อยๆ ทำให้คนเลวได้ใจ พ่อแม่ต้องกล้าที่จะหยัดยืนบอกลูกว่า อะไรผิด อะไรถูก ลูกก็เหมือนกัน ต้องรู้ว่า พ่อแม่นั้น เป็น "ผู้บังเกิดเกล้า" ไม่ใช่ข่มขู่ คุกคาม ทำดังหนึ่งพ่อแม่เป็นทาสของตน "ลูกที่ทำเช่นนี้นับว่าทำไม่ถูก และกำลังก่อบาปกรรมแก่ตัวเองโดยแท้" Link: คลิ๊กที่นี่ |
แสดงความคิดเห็น